วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562

การออกแบบการเรียนการสอนที่เป็นสากล (Universal Design for Instruction)


การออกแบบการเรียนการสอนที่เป็นสากล (Universal Design for Instruction)
U : การออกแบบการเรียนการสอนที่เป็นสากล (Universal Design for Instruction UDI) เป็นการออกแบบการสอนที่ผู้สอนมีบทบาทเป็นผู้ดำเนินการเชิงรุก (proactive-การกระทำโดยไม่ต้องมีสิ่งใดมากระตุ้น) เกี่ยวกับการผลิตและหรือจัดหาจัดทำหรือชี้แนะผลิตภัณฑ์การศึกษา (educational products (computers, websites, software, textbooks, and lab equipment) และสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ dormitories, classrooms, student union buildings, libraries, and distance learning Courses), ที่จะระบุถึงในทุกขั้นตอนของการเรียนการสอน
การออกแบบการเรียนการสอนนำความรู้จากหลายสาขาวิชามาประยุกต์เข้าด้วยกันเป็นขั้นตอน กระบวนการเชิงระบบเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน โดยพื้นฐานแล้ววิธีการเชิงระบบกำหนดให้ต้องระบุว่า จะเรียนอะไร วางแผนการสอนว่าจะยอมให้การเรียนรู้อะไรเกิดขึ้น วัดผลการเรียนรู้เพื่อตัดสินว่า การเรียนรู้ นั้นบรรลุตามจุดประสงค์หรือไม่และกลั่นกรองตัวสอดแทรก (intervention) จนกระทั่งบรรลุจุดประสงค์ จาก ลักษณะนี้เองจึงทำให้เกิดแบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนทั่วไป (generic Instruction Design model : ID model) ขึ้น (Gibbons 1981 : 5, Hannum and Hansen, 1989)
เกี่ยวกับระบบการเรียนการสอนนี้ แฮนนัมและบริกส์ (Hannum and Briggs) ได้เปรียบเทียบการ เรียนการสอนแบบดั้งเดิม และการเรียนการสอนเชิงระบบ ดังรายละเอียดในตารางที่ 11
ในการออกแบบการเรียนการสอน กระบวนการมีความสำคัญพอๆ กับผลิตผล เพราะว่าความ เชื่อมั่นในผลิตผลจะขึ้นอยู่กับกระบวนการ ในการที่จะมีความเชื่อมั่นในผลิตผล ต้องดำเนินตามขั้นตอนของ แบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอน สำหรับในแต่ละขั้นตอนนั้น ลำดับขั้นตอนของแบบจำลองการ ออกแบบการเรียนการสอน สำหรับในแต่ละขั้นตอนนั้น ลำดับขั้นของภาระงานจะต้องแสดงออกมา และผลที่ ได้รับที่มีความเฉพาะเป็นพิเศษก็จะเกิดขึ้นดังรายละเอียดในตารางที่ 11
บทบาทของผู้ออกแบบการเรียนการสอน (designer's role) สามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ นำเสนอว่าต้องอาศัยเทคนิค หรือไม่ต้องอาศัยเทคนิค และขึ้นอยู่กับส่วนประกอบของทีมการออกแบบ เนื้อหาที่ต้องใช้เทคนิคสูง ผู้ออกแบบจำเป็นต้องให้คำแนะนำในการออกแบบกับผู้ชำนาญการด้านเนื้อหา (content expert) ถ้าเนื้อหานั้นไม่ต้องใช้เทคนิคที่สูงมากจนเกินไป ผู้ออกแบบก็สามารถจัดทำได้อย่างอิสระ มากขึ้นด้วยความช่วยเหลือของผู้ชำนาญการด้านเนื้อหา ผู้ออกแบบสามารถที่จะทำงานเป็นผู้ให้คำปรึกษาจาก ภายนอก และรับผิดชอบภาระงานทั้งหมด เหมือนกับเป็นคนในสำนักงาน (in-house employers) ซึ่งได้รับ ความช่วยเหลือจากผู้ชำนาญการด้านเนื้อหา บทบาทของผู้ออกแบบสามารถมีได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับ ความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้ชำนาญการด้านเนื้อหา บทบาทของผู้ออกแบบสามารถมีได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับ ความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้ชำนาญการด้านเนื้อหาวิชา ดังตัวอย่างทั้งสาม (Seels and Glasgow, 1990 : 7-9) คือ
1. ผู้ชำนาญการด้านเนื้อหาและมีสมรรถภาพในการออกแบบการเรียนการสอนและเทคโนโลยี และเป็นผู้ที่รู้บทบาทของการออกแบบด้วย ไม่จำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือด้านความรู้ ความชำนาญทาง เนื้อหาวิชา
2. ผู้ออกแบบการเรียนการสอน ที่ได้รับการร้องขอให้ทำงานในด้านเนื้อหาที่อาจจะมี ความคุ้นเคย แต่ผู้ออกแบบยังคงรู้สึกมีความจำเป็นที่จะทำงานกับผู้ชำนาญการด้านเนื้อหา |
3. ผู้ออกแบบอาจจะได้รับการร้องขอให้พัฒนาหรือวิจัยในด้านเนื้อหาที่ไม่มีความคุ้นเคย และ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกและทำงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาจำนวนมาก
ตารางที่ 11 เปรียบเทียบการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมกับการเรียนการสอนเชิงระบบ

องค์ประกอบของการเรียนการสอน
การเรียนการสอนแบบดั้งเดิม
การเรียนการสอนเชิงระบบ
1.กำหนดเป้าประสงค์ (Setting goals)
*ตำราหลักสูตรดั้งเดิมการอ้างอิงภายใน
*การประเมินความต้องการจำเป็น
2.จุดประสงค์ (Objectives)
*กล่าวในรูปของผลที่ได้รับรวมๆ หรือการปฏิบัติของครู
*เหมือนกันสำหรับนักเรียนทุกคน
*จากการประเมินความต้องการจำเป็นการวิเคราะห์/การประเมินงาน
*เลือกด้วยการพิจารณาจาก
*ความสามารถของผู้เรียนเมื่อแรกเข้าเรียน
3.จุดประสงค์ในความรู้เฉพาะของผู้เรียน (Student’s knowledge of objectives)
*ไม่ได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้าต้องใช้สัญญาณจากการฟังคำบรรยายและการอ่านตำรา
*บอกกล่าวอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษล่วงหน้าก่อนเรียน
4.ความสามารถก่อนเข้าเรียน
(Entering capability)
*ไม่ต้องใส่ใจ นักเรียนทุกคนมีจุดประสงค์และวัสดุอุปกรณ์/กิจกรรมเหมือนกันหมด
*การพิจารณา
*การกำหนดวัสดุอุปกรณ์/กิจกรรมแตกต่างกัน
5.ผลสัมฤทธิ์ที่คาดหวัง
(Expected achievement)
*ใช้โค้งมาตรฐาน
*มีความเป็นแบบอย่างเดียวกันสูง
6.ความรอบรู้ (Mastery)
*นักเรียนส่วนน้อยรอบรู้ จุดประสงค์ทั้งหมด
*รูปแบบผิดพลาด
*นักเรียนส่วนใหญ่รอบรู้จุดประสงค์ทั้งหมด
7.ค่าระดับและการเลื่อนระดับ (Grading and promotion)
*อยู่บนพื้นฐานการเปรียบเทียบกับนักเรียนคนอื่นๆ
*อยู่บนพื้นฐานการรอบรู้จุดประสงค์

8.การสอนเสริม (Remediation)
*บ่อยครั้งที่ไม่มีการวางแผน
*ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจุดประสงค์หรือวิธีการเรียนการสอน
*วางแผนสำหรับนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือแสวงหาจุดประสงค์อื่นๆ เลือกวิธีการเรียนการสอน
9.การใช้แบบทดสอบ
*กำหนดค่าระดับ
*เฝ้าระวังตืดตามความก้าวหน้าของผู้เรียน
*ตัดสินความรอบรู้
*วินิจฉัยความยากลำบาก
*ปรับปรุงการเรียนการสอน
10.เวลาศึกษากับความรอบรู้
(Stidy time vs mastery)
*เวลาคงที่ : ระดับของความรอบรู้หลากหลาย แตกต่างกัน
*ความรอบรู้คงที่ : เวลาหลากหลายแตกต่างกัน
11.การตีความของความล้มเหลวที่จะไปให้ถึงความรู้ (Interpretation of failure to reach mastery)
*นักเรียนผู้ส่งสาร
*มีความต้องการจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงการเรียนการสอน
12.การพัฒนารายวิชา (Course of development)
*เลือกวัสดุอุปกรณ์ก่อน
*ระบุจุดประสงค์ก่อนแล้วจึงจะเลือกวัสดุอุปกรณ์
13.ลำดับขั้นตอน (Sequence)
*อยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและสังเขปหัวเรื่อง
*อยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่ต้องรู้ก่อนตามความจำเป็น และหลักการของการเรียนรู้
14.การปรับปรุงการเรียนการสอนและวัสดุอุปกรณ์ (Revision of instructional and materials)
*อยู่บนพื้นฐานของการคาดเดางาน หรือความเพียงพอ
*วัสดุอุปกรณ์ใหม่
*เกิดขึ้นเป็นพักๆ
*อยู่บนพื้นฐานของการประเมินข้อมูล
*เกิดขึ้นเป็นประจำ
15.กลยุทธ์การเรียนการสอน (Instructional Strategies)
*พอใจให้ผ่านได้อย่างกว้างๆ
*อยู่บนพื้นฐานของความชอบและความคล้ายคลึง
*เลือกที่จะให้ได้รับตามจุดประสงค์
*ใช้ยุทธวิธีที่หลากหลาย
*อยู่บนพื้นฐานของทฤษฎีและการวิจัย
16.การประเมินผล (Evaluation)
*บ่อยครั้งที่ไม่เกิดขึ้น : การวางแผนเชิงระบบมีน้อย
*ประเมินแบบอิงกลุ่ม ข้อมูลได้จากปัจจัยนำเข้า และกระบวนการ
*การวางแผนเป็นระบบ : เกิดขึ้นประจำ
*ประเมินความรอบรู้ตามจุดประสงค์
*ประเมินผลอิงเกณฑ์ข้อมูลได้จากผลที่ดีรับ(ผลผลิต)

ที่มา : W.H. Hannunn and leslir j. Briggs, “How does Instructional Systems Design Differ from Traditional Instruction," Educational Technology 22:12-13. 1982
ตารางที่ 12 งานและผลผลิตของกระบวนการออกแบบการเรียนการสอน
ขั้นตอนและภาระงาน
ตัวอย่างภาระงาน
ตัวอย่างผลผลิต
การวิเคราะห์-กระบวนการของการนิยามว่าต้องเรียนอะไร
*ประเมินความต้องการจำเป็น
*ระบุปัญหา
*วิเคราะห์ภาระงาน
*แฟ้มผู้เรียน
*การพรรณนาข้อจำกัด
*คำกล่าวของความต้องการจำเป็นและปัญหา
*การวิเคราะห์ภาระงาน
การออกแบบ-กระบวนการของการชี้เฉพาะว่าจะเรียนอย่างไร
*เขียนจุดประสงค์
*พัฒนารายการของแบบทดสอบ
*วางแผนการเรียนการสอน
*ระบุแหล่งทรัพยากร
*จุดประสงค์ที่วัดได้ กลยุทธ์การเรียนการสอน
*ลักษณะเฉพาะของตัวแบบ (prototype specification)
การพัฒนา-กระบวนการของ
*ทำงานกับผู้ผลิต
*สตอรี่บอร์ด (story board)
หน้าที่และผลิตวัสดุอุปกรณ์
*พัฒนาคู่มือ แผนภูมิ โปรแกรม
*สคริป
*แบบฝึกหัด
*คอมพิวเตอร์ช่วยการเรียนการสอน
การนำไปใช้-กระบวนการของการก่อตั้งโครงการในบริษัทแห่งโลกความจริง
*การฝึกอบรมครู
*การทดลอง
*การให้ความเห็นของนักเรียนข้อมูล
การประเมินผล-กระบวนการของการตกลงใจเกี่ยวกับความเห็นผลของการเรียนการสอน
*บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเวลา
*ผลการแปลความแบบทดสอบ
*สำรวจผู้สำเร็จการศึกษา
*ทบทวนกิจกรรม
*คำรับรอง (recommendation)
*รายงานโครงงาน
*ทบทวนตัวแบบ
            ที่มา : Barbara Seels, and Zita Glasgow, Exercises in instructional Design (Columbus, Ohio : Merrill Publoshing Company, 1990), p. 8.
นับว่าเป็นเรื่องสำคัญด้วยเหมือนกัน ที่จะให้ความแตกต่างระหว่างบทบาทของผู้วิจัยและผู้ปฏิบัติ เพราะว่าข้อกำหนดในความสำเร็จของทั้งสองส่วนนี้มีความแตกต่างกัน ผู้ที่เป็นนักวิจัยสนใจในแต่ละขั้นตอน ของรูปแบบทั่วไป ดังนั้น ความสนใจและเป้าประสงค์ของผู้ปฏิบัติ (ID practitioner) จึงแตกต่างออกไป ความสนใจและเป้าประสงค์ที่แตกต่างกัน ดังแสดงไว้ในตารางที่ 3
ผู้ออกแบบที่เป็นนักปฏิบัติ สามารถแสดงออกในแต่ละขั้นตอนจากการวิเคราะห์ไปจนถึงการ ทดลอง ขึ้นอยู่กับว่าจะพรรณนางานว่าอย่างไร ถ้างานของผู้ออกแบบระบุไว้อย่างแคบๆ แล้วผู้ออกแบบแสดง เพียงสองถึงสามขั้นตอนเท่านั้น โดยละทิ้งขั้นตอนที่เป็นผลิตผล การนำไปใช้ และการประเมินผล
นักวิจัยการออกแบบการเรียนการสอน (ID remember) หรือผู้เชี่ยวชาญ (Specialist) สนใจศึกษาตัว แปรและพัฒนาทฤษฎีที่สัมพันธ์กับการเรียนการสอน นักปฏิบัติการออกแบบการเรียนสอน (ID practitioner or generation) สนใจการประยุกต์งานวิจัย และทฤษฎีการพัฒนาการเรียนการสอนและวัสดุอุปกรณ์ บทบาท อื่นๆ ของผู้วิจัยการออกแบบการเรียนการสอนดังแสดงไว้ในตารางที่ 3 ส่วนบทบาทของผู้ปฏิบัติการ ออกแบบการเรียนการสอนดังแสดงในตารางที่ 13
สาขาวิชาการออกแบบการเรียนการสอน มีอายุประมาณ 30 ปี เป็นบทบาทของนักวิจัยที่จะส่งเสริม ความงอกงามในทฤษฎีของการออกแบบการเรียนการสอน และเนื่องจากว่าการออกแบบการเรียนการสอน เป็นสาขาวิชาประยุกต์ บทบาทของนักวิจัยจึงอาจดูเหมือนว่าแยกตัวออกไปตามลำพังและมีความสำคัญน้อยสิ่งดังกล่าวนี้ไม่เป็นความจริง เพราะถ้าปราศจากกระบวนการทางทฤษฎีแล้ว สาขาวิชาก็จะเฉื่อยชาอยู่กับที่  " ความมุ่งหมายของนักออกแบบการเรียนการสอน คือ ความจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าตนสามารถที่จะก้าวไกลได้ใน หนทางแห่งอาชีพของตนเอง ถ้ารับรู้วิธีการวิจัยที่เหมาะสมในแต่ละขั้นตอน (Seels and Glasgow, 19990 : 10)
งานของผู้ปฏิบัติการออกแบบการเรียนการสอนอาจจะหลากหลายในความต้องการด้านความรู้ ความชำนาญ ผลิตผลที่ได้และสถานการณ์ของงาน ผู้ปฏิบัติการออกแบบการเรียนการสอนอาจจะวิเคราะห์ ภาระงานภายใต้การนิเทศของผู้จัดการโครงการในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและการพัฒนา ผู้จัดการ โครงการอาจจะนำทีมซึ่งพัฒนาการประชุมเชิงปฏิบัติการสามวันสำหรับการอุตสาหกรรม (three-day workshop) การออกแบบไม่จำเป็นต้องเป็นทีมเสมอไป ในองค์กรเล็กๆ อาจจะใช้ผู้ออกแบบเพียงคนเดียว ใน การทำภาระการออกแบบการเรียนการสอน
ตารางที่ 13 เปรียบเทียบความสนใจและเป้าประสงค์ของผู้วิจัยและผู้ปฏิบัติ
แบบจำลองการออกแบบ
การเรียนการสอนทั่วไป
บทบาทของผู้วิจัย
บทบาทผู้ปฏิบัติ
ขั้นที่ 1 การวิเคราะห์




ขั้นที่ 2 การออกแบบ



ขั้นที่ 3 การพัฒนา





ขั้นที่ 4 การนำไปใช้




ขั้นที่ 5 ประเมินผล
*ศึกษาวิธีการระบุปัญหา
*ศึกษาผลของคุณลักษณะของ ผู้เรียน
*ศึกษาเนื้อหา
*ศึกษาตัวแปรในการออกแบบ
ข่าวสาร
*พัฒนากลวิธีการเรียนการสอน
*ศึกษากระบวนการของทีม





*ศึกษาชาติวงศ์วรรณาของตัวแปรในสิ่งแวดล้อม
*การระบุตัวแปรของการนำไป
ใช้ ให้ได้ผล
*ศึกษาข้อถกเถียงที่นำไปสู่การ ประเมินผล
*ประยุกต์ใช้วิธีการระบุปัญหา
*กำหนดคุณลักษณะของผู้เรียน
*ใช้การวิจัยในเนื้อหาตาม
สาขาวิชา
*ให้ผู้ปฏิบัติเป็นผู้ออกแบบการ เรียนการสอน

*ทำงานกับผู้ผลิตในการพัฒนาสคริป
*ออกแบบและจัดการสิ่งแวดล้อมและ ตัวแปรในการเรียนการสอน




*ประยุกต์ทฤษฎีการประเมินผล



ที่มา : Barbara Seels,and Zita Glasgow, Exercises in instrucnal (Columbus, Ohio : MerrillPubloshing Company, 1990), p.8.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น