การทดสอบ เป็นการนําข้อของคําถามที่สร้างขึ้นไปกระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงพฤติกรรมตามที่ต้อง ออกมา โดยสามารถสังเกตและวัดได้การทดสอบนี้มักจะใช้ในการวัด และการ ประเมินผลการเรียนการสอน เป็นส่วนใหญ่โดยใช้แบบทดสอบเป็นเครื่องมือสําคัญแบบทดสอบนี้มีด้วยกนหลายประเภทแล้วแต่เกณฑ์
ใช้ในการจําแนกซึ่งพอจําแนกได้ดังนี้
1. จําแนกตามลักษณะการกระทํา ได้แก่
1.1 แบบทดสอบแบบให้ลงมือทํากระทํา(Performance Test) ได้แก่แบบทดสอบ ภาคปฏิบัติทั้งหลาย เช่น การทดสอบวิชาพลศึกษา การทดสอบวิชาขับร้องนาฏศิลป์ เป็นต้น
1.2 แบบทดสอบแบบเขียนตอบ(Paper-Pencil Test) ได้แก่การทดสอบที่ให้ผู้สอบต้อง เขียน ตอบในกระดาษและการใช้การเขียนเป็นเกณฑ์เช่น แบบทดสอบอัตนัย แบบทดสอบ ความเรียง เป็ นต้น
1.3 แบบทดสอบปากเปล่า(Oral Test) เป็ นแบบทดสอบที่ผู้สอบต้องตอบด้วยวาจาแทน การ เขียนตอบ หรือการปฏิบัติหรือการปฏิบัติเป็นการเรียกมาซักถามกนตัวตั่อตัว เหมือนกบั การสอบสัมภาษณ์แต่เป็นการซักถามเก่ียวกบเนืั้อหาสาระมากกว่าการสอบสัมภาษณ์ปกติ
2. จําแนกตามสมรรถภาพที่ใช้วัด ได้แก่
2.1 แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์(Achievement Test) เป็ นแบบทดสอบที่ใช้วัดระดับความรู้ ความสามารถและทักษะทางวิชาการที่ได้จากการเรียนรู้แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
2.1.1 แบบทดสอบที่ผู้สอนสร้างเองTeach(-made Test) เป็นแบบทดสอบที่สร้างขึ้น เฉพาะครั้งคราว เพื่อใช้ทดสอบความรู้ความสามารถและทักษะของผู้เรียนในห้องเรียนบางครั้ง
อาจเรียกว่า แบบทดสอบชั้นเรียน (Classroom Test) แบบทดสอบชนิดนี้เมื่อสอบเสร็จแล้วมักไม่ ใช้อีก และถ้าต้องการ สอบใหม่ก็จะสร้างใหม่หรือปรับปรุงดัดแปลงของเก่ามาใช้ใหม่อีกครั้ง
2.1.2 แบบทดสอบมาตรฐาน (Standardized Test) เป็นแบบทดสอบที่สร้างและผาน่ กระบวนการพัฒนาจนมีคุณภาพได้มาตรฐาน
2.2 แบบทดสอบความถนัด Attitude( Test) เป็ นแบบทดสอบที่ใช้วัดความสามารถทาง สมอง (Mental Ability) ที่เกิดจากการสะสมประสบการณ์ต่างๆ ใช้สําหรับทํานายสมรรถภาพ ทาง เรียนไปได้ไกลเพียงไร หรือมีความถนัดไปในทางใด
2.3 บทดสอบบุคลิกภาพและสถานภาพทางสังคม (Personal Social Test) เป็ น แบบทดสอบที่จะลบคลิกภาพของคน เช่น เจตคติความสนใจ นิสัย ค่านิยม ความเชื่อ การ ปรับตัว สถานภาพทางสังคม และสถานภาพทางอารมณ์ เป็ นต้น
3. จําแนกตามลักษณะการตอบ ซึ่งอาจแบ่งได้2ประเภท ได้แก่
3.1 แบบทดสอบความเรียง(Essay Test) เป็ นแบบทดสอบที่ให้ผู้ตอบหาคําตอบและ เรียบรียงคําตอบขึ้นเอง ผู้ตอบสามารถแสดงความรู้ความคิดเห็นได้อยางเต็มที่่
3.2 แบบทดสอบปรนัย(Objective Test) เป็นแบบทดสอบที่มุ่งให้ผู้ตอบตอบเพียงสั้นๆ หรือเลือกคําตอบจากที่กาหนดไว้ํ
แบบทดสอบที่นิยมใช้ในการเรียนการสอน
แบบทดสอบที่ใช้กนอยูัในปัจจุบันมีอยู่ด้วยก่นหลายชนิดั แต่ละชนิดมีจุดมุ่งหมายและ
ความสามารถ ในการวัดต่างกนั ดังนั้นการนําแบบทดสอบไปใช้จึงต้องพิจารณาเลือกใช้ให้ ถูกต้องและเหมาะสมกบั จุดมุ่งหมายที่นําไปใช้แบบทดสอบที่ใช้กนอยูัในการเรียนการสอนนั่้น เป็นแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ที่ผู้สอนสร้างขึ้นเองโดยจําแนกตามลักษณะการตอบเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
1. แบบทดสอบอัตนัยหรือความเรียงSubjective( or Essay Test)
2. แบบทดสอบปรนัย Objective( Test) รายละเอียดของแบบทดสอบแต่ละประเภทมีดังนี้
1. แบบทดสอบอัตนัยหรือความเรียงป็แบบทดสอบที่ให้คําตอบโดยไม่มีขอบเขตของคําตอบ ที่แน่นอนไว้การตอบใช้การเขียนบรรยายหรือเรียบเรียงคําตอบอยางอิสระตามความรู้่ ข้อเท็จจริง ตามความ คิดเห็นและความสามารถที่มีอยูโดยไม่่มีขอบเขตจํากดแนั่นอนตายตัวที่เด่นชัด นอกจากกาหนดด้วยเวลาํ การ ตรวจให้คะแนนไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัว ส่วนมากมักขึ้นอยู่ กบผู้ตรวจสอบเป็นสําคัญแบบทดสอบนีั้ยังแบ่งได้เป็น 2 แบบดังนี้
1.1 แบบทดสอบจํากดคําตอบซึ่งจะถามแบบเฉพาะเจาะจงแล้วต้องการคําตอบเฉพาะเรื่องั ผู้ตอบต้องจัดเรียงลําดับความคิดให้เป็นระเบียบ เพื่อให้ตรงประเด็นดังนั้นผู้ออกข้อสอบจึงต้อง
ระมัดระวังใน เรื่องคําสังของโจทย์่ขอบเขตเนื้อหา เวลาในการเขียนตอบ และความสะดวกใน การให้คะแนนได้มากกว่า แบบไม่จํากดคําตอบั เพราะแบบทดสอบแบบนี้จะมีเกณฑ์ต่างๆ ที่จะ ตัดสินคะแนนให้ยุติธรรมมากกว่าแบบ ไม่จํากดคําตอบั นอกจากนี้แบบทดสอบแบบอัตนัย ประเภทจํากดคําตอบนีั้ยังตรวจได้ง่ายเพราะคําตอบที่ถูก จะอยูในกรอบที่ก่าหนดไว้ํดังนั้นจึง เหมาะสมที่จะนํามาใช้เมื่อมีผู้เข้าสอบเป็ นจํานวนมาก และต้องการดู ความสามารถในการเขียน ของผู้ตอบด้วยตัวอยางเช่่น
· จงเปรียบเทียบลักษณะของการปกครองระบอบประชาธิปไตยและการปกครองเผด็จการ มาอยางละ่ 3 ข้อ
· จงบรรยายขั้นตอนการทํานํ้าให้สะอาดให้ครบทุกขั้นตอน ฯล
1.2 แบบทดสอบแบบไม่จํากดคําตอบหรือแบบขยายความั แบบทดสอบแบบนี้จะถาม ความสามารถต่างๆ โดยให้ผู้ตอบแสดงความคิดเห็นอยางอิสระ่ ซึ่งจะสามารถวัดสมรรถภาพ ทาง ความริเริ่มสร้างสรรค์เจตคติการประเมินค่าได้อยางกว้างขวาง่ ปริมาณและคุณภาพของ คําตอบจึงขึ้นอยูก่บคําถามัและความรู้ที่สะสมไว้ว่ามีอยูมากน้อยเพียงใด่ การกาหนดเวลาในการํ เขียนตอบ จึงต้องกาหนดให้เหมาะํ กบเรื่องที่ต้องการทราบั แบบทดสอบแบบนี้ส่งเสริมให้ ผู้เรียนรู้จักการรวบรวมความคิด การประเมินค่า และ การใช้วิธีการต่างๆ ในการแกปัญหา้ ซึ่ง
แบบทดสอบแบบนี้มีจุดออนอยู่ที่การให้คะแนน่ เพราะเป็นการยากที่จะหาเกณฑ์ในการให้ คะแนนได้ถูกต้องและชัดเจนเนื่องจากผู้ตอบมีอิสระในการคิดและเขียนโดยเสรีตัวอยางเช่่น
· จงเสนอโครงการในการพัฒนาบุคลิกภาพของนักศึกษาวิชาชีพครูให้มีบุคลิกภาพที่ดี
ตามความคิดเห็นของท่าน
· พุทธศาสนาจะช่วยพัฒนาสังคมได้อยางไร่ จงอธิบายพร้อมให้เหตุผลประกอบ ฯลฯ
1. แบบทดสอบแบบปรนัยแบบทดสอบแบบนี้จะกาหนดคําถามและคําตอบไว้ให้ํโดยผู้ตอบ จะต้องอ่านด้วยความพินิจพิจารณาแล้วจึงพิจารณาคําตอบ แบบทดสอบแบบปรนัยนี้มีลักษณะ เด่นที่ผู้ตอบ จะต้องใช้เวลาส่วนมากไปในการอ่านและคิด ส่วนการตอบใช้เวลาน้อย การตรวจ ทําได้ง่ายใช้ใครตรวจก็ได้และสามารถใช้เครื่องสมองกลช่วยตรวจให้ได้เพราะผลที่ได้จากการตรวจจะไม่แตกต่างกนเลยั แบบทดสอบ แบบปรนัยนี้มีทั้งให้ผู้ตอบเขียนคําตอบเองกบเลือกั คําตอบที่กาหนดให้ํโดยมีรายละเอียดดังนี้
2.1 แบบทดสอบเขียนคําตอบ ได้แก่
2.1.1 แบบทดสอบแบบตอบสั้น เป็นข้อสอบที่ผู้ตอบจะต้องหาคําตอบเองแต่เป็น คําตอบ สั้น ๆ เหมาะสําหรับใช้วัดความรู้ความจํา เก่ียวกบคําศัพท์ัข้อเท็จจริง หลักการและ หลักเกณฑ์ต่างๆ เป็นการ ให้ระลึกถึงสิ่งต่างๆ ที่ผานมา่ ตัวอยางเช่่น
· ยานอวกาศลําแรกที่ลงบนดวงจันทร์(ยานอพอลโล่11)
· 6+9 จะได้คําตอบเท่าไร (15)
· ป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นเขียวชอุมตลอดปีเรียกว่าอะไร่ (ป่าดงดิบ) ฯลฯ
2.1.2 แบบทดสอบแบบเติมคํา มีลักษณะคุณสมบัติและการใช้คําเหมือนกบแบบตอบั สน ต่างกนที่การถามั แบบเติมคําจะเว้นช่องว่างไว้ให้เติมคําตอบ ตัวคําถามจะเป็นประโยคไม่ สมบูรณ์แต่แบบ ตอบสั้นจะเป็นประโยคสมบูรณ์ตัวอยางเช่่น
· ยานอวกาศลําแรกที่ลงบนดวงจันทร์................. (ยานอพอลโล 11)
· 6+9 =................. (15)
· เป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นเขียวชอุมตลอดปีเรียกว่า่................................ (ป่ าดงดิบ)
2.2 ข้อสอบแบบเลือกคําตอบ ได้แก่
2.2.1 ข้อสอบแบบถูก-ผิด เป็นข้อสอบที่กาหนดให้ผู้ตอบเลือกคําตอบวํ่าข้อความที่
กาหนดให้นัํ้นถูกหรือผิดเท่านั้น ข้อสอบแบบนี้เหมาะสําหรับวัดผลการเรียนรู้ระดับความรู้ ความจําลักษณะ เช่นเดียวกบแบบตอบสัั้น คือ สร้างความง่ายผู้ตอบเสียเวลาตอบน้อย วัดเนื้อหา ได้มาก มักมีค่าความเที่ยงสูง แต่เปิดโอกาสให้เดาได้มาก ตัวอยางเช่่น
· ลายเสือไท ถือว่าเป็นมรดกอันยิงใหญ่่ทางวัฒนธรรม
· ตําบลเป็นหน่วยการปกครองที่เล็กที่สุด
· ผิวพื้นที่ขรุขระจะมีแรงเสียดทานน้อยกว่าผิวพื้นที่เรียบ ฯลฯ
2.2.2 ข้อสอบแบบจับคู่เป็นข้อสอบให้เลือกจับคูระหว่่างคําหรือข้อความสองแถว ให้ คํา หรือข้อความทั้งสองนั้นสอดคล้องกนั โดยมากมักจะใช้ข้อความว่ามีความหมายตรงกนั ข้อสอบชนิดนี้เหมาะ สําหรับวัดความรู้เกี่ยวกบข้อเท็จจริงคําศัพท์ัหลักการ ความสัมพันธ์และ การตีความในเรื่องเดียวกนั ตัวอยางเช่่น
2.2.3 แบบทดสอบแบบเลือกตอบ เป็ นข้อสอบที่บังคับให้ผู้ตอบเลือกคําตอบจากที่ กาหนดให้ํปกติจะมีคําตอบให้เลือกตั้งแต่3 ตัวเลือกขึ้นไป แต่มักไม่เกิน 6 ตัวเลือก ข้อสอบ ชนิดนี้นิยมใช้กนั ทัวไป่ ใช้วัดผลการเรียนรู้ได้เกือบทุกระดับ แม้จะสร้างความยากต้องเสียเวลา สร้างมาก แต่คุ้มกบแรงงานและั เวลาที่เสียไป เพราะสามารถเก็บไว้ใช้ได้ตอไป่ ตัวอยางเช่่น
· What color is the tree?
a. Pink b. Purple c. Green
· พ่อขุนศรีอินทราทิตย์มีพระนามเดิมว่าอยางไร
ก. พ่อขุนบางกลางหาว ข. พ่อขุนศรีนาวนําถม
ค. พ่อขุนผาเมือง ง. พ่อขุนบานเมือง
กล่าวโดยสรุปแล้วแบบทดสอบหรือข้อสอบที่นิยมใช้ในการเรียนการสอนทั้ง
แบบทดสอบแบบอัตนัยหรือความเรียง และแบบทดสอบแบบปรนัยต่างมีข้อดีและข้อจํากัดด้วยกันทัั้งคู่ซึ่ง ขึ้นอยูก่บเงื่อนไขที่นําไปใช้ัตามตารางที่23 ดังนี้
ตารางที่23 ข้อดีและข้อจํากดของแบบทดสอบแบบอัตนัยั หรือความเรียง และแบบทดสอบแบบ
ปรนัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น